เทียบราคา Heat Detector ในระบบ Fire Alarm เลือกซื้ออย่างไรให้คุ้มค่า

เมื่อพูดถึงระบบป้องกันไฟไหม้ หรือ Fire Alarm System สิ่งที่ไม่สามารถมองข้ามได้คือ Heat Detector หรือเครื่องตรวจจับความร้อน ซึ่งเป็นเซ็นเซอร์ที่ทำหน้าที่ตรวจจับความร้อนในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้ วันนี้เราจะมาพูดถึงว่า Heat Detector คืออะไร ทำไมถึงสำคัญต่อระบบแจ้งเตือนไฟไหม้และเราจะเลือกซื้ออย่างไรให้คุ้มค่าโดยการเทียบราคา Heat Detector แต่ละยี่ห้อให้เห็นแบบชัด ๆ  พร้อมทั้งแนะนำวิธีการดูแลรักษาและติดตั้งอย่างเหมาะสม

รู้จักกับ Heat Detector ตัวช่วยสำคัญในระบบ Fire Alarm

Heat Detector หรือเครื่องตรวจจับความร้อน เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ตรวจจับความร้อนที่เกิดขึ้นในบริเวณพื้นที่ที่ติดตั้งเครื่องตรวจจับความร้อนไว้ โดยหลักการทำงานของมันจะอาศัยการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิในสิ่งแวดล้อมบริเวณที่ติดตั้ง เมื่ออุณหภูมิในบริเวณนั้นเพิ่มสูงขึ้นจนเกินค่าที่ตั้งไว้อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงในการเกิดไฟไหม้ เครื่องจรวจจับความร้อนจะทำการส่งสัญญาณเตือนทันทีเพื่อให้ผู้ที่อยู่บริเวณนั้น หรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องรับรู้ถึงความผิดปกติที่อาจก่อให้เกิดไฟไหม้และควบคุมได้ทันเวลา

ทำไม Heat Detector ถึงสำคัญ?

  • การตรวจจับความร้อนเร็วขึ้น : เครื่องสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิได้เร็วกว่าการตรวจจับควัน (Smoke Detector) เหมาะกับพื้นที่ที่ไม่สามารถเกิดควันได้ง่าย เช่น โรงงานที่มีอุณหภูมิสูง
  • ความปลอดภัย : การติดตั้ง Heat Detector ช่วยให้ระบบ Fire Alarm ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงจากอัคคีภัยในพื้นที่เสี่ยง
  • อายุการใช้งานยาวนาน : Heat Detector สามารถใช้งานได้ยาวนานและไม่ต้องการการบำรุงรักษามากนักเมื่อเทียบกับอุปกรณ์อื่นๆ

Heat Detector มีกี่ประเภท แบบไหนเหมาะกับการใช้งานของคุณ

Heat Detector มีหลายประเภทมาก ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อการใช้งานที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับลักษณะและความเสี่ยงของพื้นที่ที่ต้องการติดตั้ง ไปดูกันว่ามีประเภทไหนบ้าง และการใช้งานจะแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน

  • Fixed Temperature Heat Detector : ประเภทนี้จะทำงานเมื่ออุณหภูมิรอบตัวสูงเกินกว่าจุดที่กำหนดไว้ เช่น 135°F หรือ 190°F โดยเหมาะกับพื้นที่ที่อุณหภูมิค่อนข้างนิ่ง และไม่เกิดความร้อนขึ้นเร็วแบบเฉียบพลัน
  • Rate-of-Rise Heat Detector : ประเภทนี้จะตรวจจับอุณหภูมิที่พุ่งขึ้นรวดเร็วภายในระยะเวลาสั้น ซึ่งเหมาะกับพื้นที่ที่อาจเกิดไฟไหม้กะทันหัน เช่น โกดังสินค้า หรือห้องที่มีอากาศถ่ายเทดี
  • Combination Heat Detector :อุปกรณ์ประเภทนี้รวมข้อดีของทั้ง Fixed และ Rate-of-Rise เข้าด้วยกัน ทำให้สามารถตรวจจับได้ทั้งสองรูปแบบในเครื่องเดียว เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง หรือต้องการความปลอดภัยแบบรอบด้าน

เทียบราคา Heat Detector แต่ละยี่ห้อ เลือกซื้อยังไงให้คุ้มค่า?

นอกจากการเลือกประเภทที่เหมาะสมมาใช้งานกับสถานที่ของเราแล้ว การเทียบราคา Heat Detector ก็เป็นสิ่งสำคัญในการเลือกซื้ออุปกรณ์ป้องกันอัคคีภัย เพราะในตลาดมีหลายยี่ห้อและหลากหลายราคา การเลือกซื้อ Heat Detector ไปดูกันว่าแต่ละราคาต่างกันยังไงบ้าง

  1. อุปกรณ์ตรวจจับความร้อนแบบ Fixed Temperature 
  • SYSTEM SENSOR รุ่น 5603 : ตรวจจับความร้อนได้ที่อุณหภูมิ 135°F เหมาะกับการติดตั้งในห้องทั่วไป หรือห้องเก็บของที่ต้องการความปลอดภัยขั้นพื้นฐาน ราคาประมาณ 440 บาท 
  • SYSTEM SENSOR รุ่น 5604 : รองรับอุณหภูมิได้สูงถึง 190°F เหมาะกับพื้นที่ที่มีความร้อนสูงเป็นพิเศษ เช่น ห้องครัว หรือห้องหม้อแปลง ราคาประมาณ 450 บาท
  • SYSTEM SENSOR รุ่น 885 : ได้มาตรฐานระดับสากล UL ดีไซน์กระทัดรัดเหมาะสำหรับพื้นที่ทั่วไป ราคาประมาณ 600 บาท ​
  • CEMEN รุ่น S-318 : รุ่นที่ได้รับความนิยม ด้วยดีไซน์เล็กกะทัดรัด ใช้งานง่าย และราคาย่อมเยา เหมาะกับบ้านพักหรือสำนักงานทั่วไป ราคาประมาณ 460 บาท ​
  1. อุปกรณ์ตรวจจับความร้อนแบบ Rate-of-Rise 
  • CL รุ่น CL-830 :  ตรวจจับการเปลี่ยนอุณหภูมิได้อย่างรวดเร็ว ติดตั้งง่าย ทำงานแม่นยำ เหมาะสำหรับการใช้ในอาคารสำนักงาน ร้านค้า พื้นที่ที่มีระบบไฟอัตโนมัติ ราคาประมาณ 420 บาท
  • CEMEN รุ่น S-302 :  มีความไวสูง สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนอุณหภูมิรวดเร็ว เหมาะสำหรับอาคารทั่วไป และพื้นที่ที่ต้องการระบบเตือนภัยเบื้องต้น ราคาประมาณ 470 บาท
  1. อุปกรณ์ตรวจจับความร้อนแบบ Combination Heat Detector
  • SYSTEM SENSOR รุ่น 5151 : เป็นรุ่นที่ได้รับความไว้วางใจจากหลายโครงการ ด้วยเซ็นเซอร์คู่ที่แม่นยำ เหมาะกับอาคารสูง โรงงาน หรือสถานที่ที่ต้องควบคุมความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ราคาประมาณ 950 บาท ​
  • CEMEN รุ่น U-513 : รุ่นนี้มีจุดเด่นตรงที่ราคาไม่แรง แต่ให้ความปลอดภัยได้ดี เหมาะกับอาคารทั่วไปหรือหอพัก ราคาประมาณ 440 บาท ​
  • GE Edwards รุ่น 283B-PL : ได้มาตรฐานระดับสากล UL/FM ตอบโจทย์เรื่องความไวและความเสถียรของระบบราคาประมาณ 490 บาท 
  • EDWARDS รุ่น EDC-M9103 : มาพร้อมดีไซน์บางเฉียบ เหมาะกับอาคารสำนักงานหรือคอนโดที่ใส่ใจเรื่องดีไซน์ควบคู่กับความปลอดภัย ราคาประมาณ 795 บาท

ติดตั้งถูกจุด ปลอดภัยหายห่วง!

การติดตั้ง Heat Detector ให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดนั้นจำเป็นต้องเลือกตำแหน่งที่เหมาะสม จะช่วยให้ระบบทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงจากการเกิดไฟไหม้

  • ติดตั้งในจุดที่มีความเสี่ยงสูง: เช่น ใกล้กับเตาไฟหรือเครื่องจักรที่สามารถสร้างความร้อน
  • ไม่ควรติดตั้งใกล้ช่องเปิด: เช่น หน้าต่างหรือประตู เพราะอาจทำให้เครื่องไม่สามารถตรวจจับความร้อนได้อย่างเต็มที่
  • ติดตั้งบนฝ้าเพดาน: Heat Detector ควรติดตั้งบนฝ้าเพดานห่างจากผนังประมาณ 10-15 ซม. เพื่อให้สามารถตรวจจับความร้อนได้ดี

ดูแลรักษา Heat Detector ให้ใช้งานได้นานขึ้น

การดูแลรักษา Heat Detector ให้มีประสิทธิภาพและใช้งานได้อย่างยาวนานทำได้ด้วยการทำความสะอาดเครื่องอย่างสม่ำเสมอ โดยใช้น้ำยาที่ไม่เป็นอันตรายหรือผ้าแห้งเช็ดในการทำความสะอาด นอกจากนี้ควรตรวจสอบการทำงานของเครื่องอย่างน้อยทุก 6 เดือน เพื่อให้มั่นใจว่าเครื่องยังทำงานได้ปกติ ไม่ชำชุดเสียหาย หรือหากตรวจพบว่าชำรุดควรซ่อมหรือเปลี่ยน้ครื่องใหม่ทันทีเพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุดในการป้องกันเหตุไม่คาดฝัน นอกจากนี้ควรตรวจสอบและเปลี่ยนแบตเตอรี่ทุกปี ไม่ปล่อยให้แบตหมด การดูแลรักษาตามวิธีเหล่านี้จะช่วยให้ Heat Detector ทำงานได้ดีและมีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากยิ่งขึ้น

เลือกซื้อเครื่องตรวจจับความร้อน เลือกซื้อกับ Grand Elite Supplies

การเลือกเครื่องตรวจจับความร้อน (Heat Detector) ไม่ใช่แค่การดูราคาถูกหรือแพงเท่านั้น แต่ต้องพิจารณาทั้งประเภทของอุปกรณ์ ความแม่นยำในการทำงาน และความเหมาะสมกับพื้นที่ที่ใช้งาน ซึ่งหากคุณกำลังมองหาHeat Detector ที่มีคุณภาพ Grand Elite Supplies คือทางเลือกที่เหมาะสม นอกจากอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน Grand Elite Supplies เรายังมีบริการให้คำปรึกษาในการเลือกอุปกรณ์ให้เหมาะกับประเภทอาคาร พร้อมจัดส่งทั่วประเทศไทย และมีบริการหลังการขายที่มั่นใจได้ว่าคุณจะได้รับทั้งอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานและได้รับการดูแลในระยะยาว!